Guest
Username:
Password:
Jamsai
มากกว่ารัก
LOVE
With Love
ความรู้สึกดีที่เรียกว่ารัก
everY
overgraY
Jamsai Love Series
JLS+
Enter Books
Heart Work
สินค้า Non-book
PreOrders
อื่นๆ
>
Enter HERE
Cookie
Moonlight
Life Vaccine
ท่องเที่ยว
Print On Demand
Dreamland Of Love
Sweet Asian
Magic Cafe' Love
Jamsai Light Novel
Enter Light Novel
Magic Cafe'
ปกิณกะ
Book Wave (การ์ตูนสำหรับเด็กและเยาวชน)
สินค้าทั้งหมด
ชื่อเรื่อง
นักเขียน-นักแปล
หน้าแรก
>
แบ่งกันอ่าน
>
อ่านเรื่อง
>
อ่านตอน
อ่านเรื่อง
ชื่อเรื่อง :
บุษบาเร่รัก
ชื่อผู้แต่ง :
stupid lamb
ชื่อตอน :
บทที่ 1
ตอนที่ :
2
อัพเดทเมื่อ :
04/12/2554 00:06:13
เข้าชม :
400
เนื้อเรื่อง
บทที่1
กรี๊ด... กรี๊ด...
นอกจากเสียงกรี๊ดโห่เฮรอบตัวแล้วก็คงจะไม่มีเสียงอื่นใดอีก เมื่อกลีบปากอ่อนนุ่มถูกบดเบียดด้วยริมฝีปากอุ่นร้อน และรุนแรง ขณะร่างแน่งน้อยพยายามขยับหนี ร่างสูงใหญ่กลับกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นเป็นเท่าตัว มีเพียงเสียงประท้วงดังอู้อี้เท่านั้นที่พอจะเล็ดลอดออกมาได้ ยิ่งดิ้น อ้อมกอดก็ยิ่งแน่น
ทำยังไงดีนะ กำลังจะหมดลมตายอยู่แล้ว
สาวน้อยขมวดคิ้วมุ่น
ตุ๊บ..!
บั้นท้ายงอนงามกระแทกม้านั่งเต็มแรง ในที่สุดร่างขาวกลมกลึงก็ถูกปล่อยให้เป็นอิสระ หากแต่ไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะยันกายให้ยืนขึ้น
เย่....
เสียงโห่เชียร์ดังสนั่นของเหล่ารุ่นพี่ที่สละซุ้มตัวเองมามุงดู ผู้ที่ได้รับรางวัลแจ็คพอต เบื้องหน้าของเธอ คือแผ่นหลังกว้างใหญ่ของผู้ชายคนหนึ่ง กำลังยืนอยู่ เขาทำท่าเหมือนกับจะหันมาหา แต่ก็เดินจากไปเสียอย่างนั้น
“เอาล่ะ ทีนี้ เธอก็หมดหน้าที่แล้ว “เฌอแตมออกเสียงรื่นรมเสียเต็มประดา
บ้าที่สุด !
น้ำตาหยดน้อยเริ่มไหลริน ข้อมือบอบบางถูกยกขึ้นมาปาดเช็ดริมฝีปาก เลือดแดงสดหยดน้อยเปื้อนไปบนหลังมืออย่างช่วยไม่ได้ทั้งที่โดนกลบทับไปด้วยลิปสติกชมพูส้มแบรนด์ดังแต่ก็ยังเห็นชัดอยู่ดี ที่แท้ ยัยเฌอแตมก็วางแผนไว้แต่แรกนี่เอง รางวัลแจ็คพอตของวันนี้ ก็คือ จูบเธอนี่เอง บ้า บ้า บ้า เริงฤดีคว้ากระเป๋าสะพายขึ้นแล้ววิ่งกระแทกส้นออกไปจากลานกิจกรรมทันที
ไม่นานนัก รถสปอร์ตคันงามก็แล่นปาดแล่นฉิวออกไปจากที่จอดรถคณะ
“ฮะ ฮะ สมน้ำหน้า ทำตัวเริด เชิด อยู่ได้ มันก็ต้องเจอแบบนี้แหละ “เฌอแตมเบ้ปาก ขณะมองไปยังถนนหน้าคณะ
“ เอ้า น้องเริง เอียงซ้ายหน่อยค่ะ อ่า.. อย่างนั้นแหละ ดี .. “
แชะ..!!
สาวน้อยผู้ได้รับใบหน้าและเรือนกายเป็นปฏิมากรรมชิ้นเอกมาจากสรวงสวรรค์ทอดร่างอรชรไปบนชิงช้าเถาวัลย์ เบื้องหลังเป็นบรรยากาศป่าใหญ่ที่ถูกฝีมือมนุษย์หลายสิบคนช่วยกันเนรมิตขึ้นมา ทำทีเป็นดมดอมดอกไม้หอมในมือ แอ่นหลังหน่อย ๆ เกร็งขานิด ๆ เพื่อความสวยงาม เชื่อเลยสิ แม้ว่าภาพที่ออกมาจะสวยงาม ดูราวกับเธอทอดกายสบายจิตอยู่บนนั้น แต่ใครจะรู้บ้างไหม ว่ามันเมื่อยสุด ๆ ไปเลย แถมยังต้องระวังตัวเองไม่ให้พลาดหล่นลงมาบนพื้นดินชื้น ๆ ข้างล่างนั้นอีก ไอ้คนที่ดูจะสบายที่สุดในฉากก็เห็นทีจะเป็น มิกกี้ นายแบบหน้าเข้ม ที่กำลังทำท่านั่งลงบนอีกด้านหนึ่งของชิงช้าเถาวัลย์ขวัญเขย่าให้เธอนอนทอดกายแล้วเอาขาก่ายตัก
“ เอ้า ... ทีนี้ให้น้องเริงลุกขึ้นนั่ง เสร็จแล้วงอขาที่ก่ายบนตักมิกกี้ขึ้นมา เอามือข้างซ้ายโอบไว้ที่ไหล่น้องมิกกี้นะคะ เอ่อ.. แล้วก็เอามือประคองไว้ที่หัวมิกกี้เค้านะคะ ส่วนมิกกี้ก็นะคะ เอาหลังอิงเถาชิงช้านะค้า เสร็จแล้วก็เอามือซ้ายจับข้อมือขวาน้องเริงนะคะ อ่า.. อย่างนั้นแหละค่า ให้ดูเหมือนมิกกี้ค่อย ๆ ดึงน้องเริงเข้าไปใกล้ ๆ แบบว่า อยากจะจุมพิตชะนี เอ๊ย ผู้หญิงคนนี้เหลือเกิน.. น.. น่ะค่า “
เจ๊ปิ่น ช่างภาพสาว ( เหรอ ) จีบปากจีบคอชี้โบ๊ชี้เบ๊ให้นายแบบนางแบบตรงหน้าทำท่าตามที่หล่อนบอก
“ อ่า.. นั่นแหละ ๆ “
ขณะเรียวปากสวยงามได้รูปของทั้งสองคนกำลังเข้าใกล้กันทีละนิด ๆ เสียงชัตเตอร์ลั่นราวห่ากระสุนย่อม ๆ ก็เริ่มดังขึ้นเป็นระยะ ๆ จนปลายจมูกทั้งคู่แตะกัน และเพื่อให้ได้อารมณ์ยิ่งขึ้น เริงฤดีก็ส่งสายตาแสนเซ็กซี่ไปยังบุรุษตรงหน้า ซึ่งคู่หูบนชิงช้าก็รู้ใจยิ่งนัก ส่งสายตาละลายโลกมายังเธอ
ซู๊ด..
ช่างกล้องสูดปาก ไม่เสียแรงจริง ๆ ที่จ้างทั้งคู่ให้มาถ่ายนิตยสารปักษ์นี้ของเขา เห็นดังนั้นก็กดชัตเตอร์อย่างเมามัน บัดดล ภาพฉากจุมพิตเร่าร้อนเดือดพล่านระหว่างเธอกับไอ้เด็กเฟรชชี่ก็ผุดขึ้นมาในหัวเริงฤดี
ว๊าย.. ตุ๊บ .. !!
“ โอ๊ย.. ย.. “
บรรยากาศกองถ่ายอันสงบเงียบก็อลหม่านขึ้นมาในทันใด นางแบบสุดฮอตชนิดหาตัวจับง่ายแต่คว้าตัวยากถวายก้นลงพื้นไปแล้ว ตาย ๆ ๆ แล้วคราวหน้าเค้าจะยอมมาร่วมงานอีกมั้ยเนี่ย
“ อ๊าย.. น้องเริง.. “ เจ๊ปุนฝาแฝดเจ๊ปิ่นหน้าซีดขาวเผือดเป็นกระดาษเอสี่ “ เจ็บมากมั้ยลูก.. “
เริงฤดีส่ายหน้ายันตัวเองลุกขึ้นโดยมีทีมงานเกือบสิบมาช่วยกันประคอง พอสามารถยืนอย่างมั่นคงได้ พวกทีมงานก็พากันช่วยปัดเอาเศษฝุ่นเศษดินออกจากบั้นท้ายให้เสียเอี่ยม หารู้ไม่ว่า ลำพังแค่หล่นลงพื้นความเจ็บก็พอทน แต่มันมาเจ็บแบบระบมก็เพราะยัยพวกนี้เอาฝ่ามือมาปัดก้นให้เนี่ยแหละ นี่กะจะปัดให้มันสะอาดแบบไม่ต้องเอาไปซักเลยใช่มั้ย
“ ตายละ คุณพี่ขอโทษนะลูก “ เจ๊ปุนตัวสั่นเทิ้มน้ำตาแทบไหล แสนจะเกรงใจ เมื่อวันก่อนก็นัดมาเซ็นสัญญาเสียค่ำมืด แถมยังไปขัดจังหวะการทำหน้าที่รุ่นพี่แสนดีในมหกรรมรับน้องใหม่ของเริงฤดีเสียด้วย “ เอาเป็นว่า เดี๋ยวคุณพี่จะเพิ่มค่าจ้างให้ ถือเป็นค่าหยูกค่ายานะลูกนะ “
“ ไม่เป็นไรหรอกพี่ แค่นี้เอง “ เธอทำทีหันไปขอบใจพวกทีมงานที่กำลังปัดก้นให้เธอ เมื่อเห็นว่านางแบบไม่อยากได้บริการจากพวกเขาแล้ว ทุกคนก็พากันผละออกมาพลางปาดเหงื่อบนหน้าผาก นี่ดีนะ ที่นางแบบคนนี้ไม่เรื่องมาก.. ขณะก็ได้ยินเสียงเจ๊ปิ่นตะโกนบอกว่าเสร็จงานแล้ว ให้ทุกคนช่วยกันเก็บอุปกรณ์
“ ฉันว่าแล้วไง.. ! ขนาดฉันยังเสียว ๆ เลย “ มิกกี้สะกิดไหล่เริงฤดี “ เอ่อ.. ว่าแต่ น้องไวท์ตี้ลูกสาวฉันที่ฝากแกเอาไว้น่ะ มันยังดีอยู่ใช่มั้ย “
“ เออสิ ยังสวยยังใส แล้วก็ยังซิง “เริงฤดีกลอกตา ก่อนจะเดินไปที่ห้องแต่งตัว จะได้เปลี่ยนเสื้อแล้วกลับบ้านสักที
“ จริงนะ ไม่ใช่ว่าแกเอาไปขับจนล้อหายกันชนปลิวไปแล้วหรอกนะ “ มิกกี้เดินตาม
“ เออ.. ไว้เดี๋ยวเสร็จจากนี่ ฉันก็จะขี่ลูกสาวแกพาแกกลับบ้าน แกจะได้ดูไง ว่าฉันพาลูกสาวแกไปตกระกำลำบากรึเปล่า “
นางมิกกี้ เพื่อนร่วมอาชีพแสนสนิทซื้อรถมาใหม่ แต่ก็ไม่กล้าขับกลับบ้าน เพราะซอยทางเข้าบ้านของมันน่ะ แคบแสนแคบ กลัวว่าจะทำน้องไวท์ตี้เสียหายกายโดนกำแพงครูด ก็เลยเอามาฝากไว้ที่เธอ โดยจะเอาไปใช้ก็ต่อเมื่อจะไปงานสังคมเก๋ ๆ หรืออะไรทำนองนี้ ซึ่งก็นาน ๆ ที ดูไปดูมา ก็เหมือนกับซื้อมาให้เริงฤดีใช้เสียมากกว่า ซึ่งก็ดีนะ เธอจะได้ไม่ต้องนั่งแท็กซี่หรือไม่ก็โหนรถเมล์เหมือนแต่ก่อน
อันตรายจะแย่
นี่คื่อประโยคที่นางมิกกี้มักจะบ่นอยู่เป็นประจำเมื่อตอนที่หล่อนรู้ว่าเริงฤดีโหนรถเมล์หรือนั่งแท็กซี่กลับบ้านดึก ๆ ดื่น ๆ
‘
เริงฤดี ถึงแม้ว่ามันจะขับรถตามอารมณ์ แบบโมโหก็ซิ่ง อารมณ์ดีก็เฉื่อย แต่ก็ดูแลรถของหล่อนอย่างดีเสียยิ่งกว่าหล่อนซะอีก แล้วนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่ง ที่หล่อนไม่คิดที่จะเอาไปฝากไว้ที่อื่น
‘
หล่อนคิด
“ นังเริง ฉันยังไม่อยากกลับบ้านอะ ไปหาอะไรดื่ม แบบว่า “ มิกกี้ส่ายก้น “ ดิ๊ง ๆ ด่อง ๆ กันหน่อยมั้ย “
“ลมอะไรหอบแกมาวะ “
สิ้นเสียงแก้วคอกเทลกระทบกัน เสียงเจื้อยแจ้วก็ดังขึ้นแหวกเสียงดนตรีอึกทึก เริงฤดี ผู้ไม่ค่อยจะได้โผล่หน้ามาสังสรรค์กับเพื่อน ๆ นางแบบที่ตอนนี้แปลงร่างมาเป็นผีเสื้อราตรี ทั้งที่บรรยากาศก็แสนจะรื่นเริง แต่เริงฤดีกลับหน้านิ่ว ก็เลยทำเอาเพื่อน ๆ ต่างแปลกใจกันอยู่ไม่น้อย
“มาเป็นเพื่อนนังมิกกี้น่ะ “เธอตอบเสียงเรียบ
กิ๊ก สาวในชุดเกาะอกสีน้ำเงินหันไปมอง นังมิกกี้ กระเทยหล่อโฮกแต่บ้านดันไม่ให้รุ่นเลยต้องแอ๊บแมนเต้นเร่า ๆ อยู่กลางฟลอโดยไม่ลืมที่จะส่งสายตาให้ผู้ชายโต๊ะข้าง ๆ ก่อนจะหันกลับมาหาเพื่อนสาวอีกครั้ง เริงฤดี ผู้หญิงคนนี้ คนที่เธอไม่เคยมีทีท่าเครียดขรึมมาก่อน ท่าทางของหล่อน ทำเอาเพื่อนสาวที่ยืนอยู่รอบ ๆ เป็นห่วง หากแต่ไม่กล้าออกปากถาม ชายหญิงคู่หนึ่งที่กำลังจูบดูดดื่มแบบไม่แคร์สังคมที่โต๊ะริมประตูทางเข้ายิ่งทำให้เธอนึกถึงฉากวันรับน้อง
“เฮ๊ย แก ... เป็นอะไรไปวะ “
กิ๊กเขย่าไหล่บางข้างหนึ่งของเพื่อนสาว หากแต่เริงฤดีกลับลุกพรวดไปจากโต๊ะ ทำเอาทุกคนงงเป็นไก่ตาแตก
ยัยนี่ เป็นอะไรมากมั้ยเนี่ย
!
ปึก.. ปึก..
ส้นมือทุบลงไปบนพวงมาลัยรถสปอร์ตซ้ำแล้วซ้ำเล่า คอยดูเถอะนะ วันพรุ่งนี้ ถ้าฉันได้เจอนาย ได้เห็นดีแน่ ไอ้เฟรชชี่ไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม เริงฤดีถอนหายใจพรวดที่เท่าไรก็มิทราบก่อนจะเลี้ยวรถเข้าไปยังลานหินกรวด ภายในรั้วไม้ไร้สีทาเก่าผุ
สถานที่ที่ถูกเรียกว่าบ้าน แต่ไม่อาจให้ความรู้สึกของความเป็นบ้านนั้นมืดครึ้ม ซึ่งก็มีอยู่ไม่กี่สาเหตุ หนึ่งคือ ยังไม่มีใครกลับบ้าน สอง ยังไม่มีใครเปิดไฟ แล้วก็สาม ไม่มีใครอยากจะสนเรื่องแสงสว่าง ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือข้อสาม เริงฤดีเปลี่ยนรองเท้าส้นสูงเป็นแตะคีบคู่ใจก่อนจะลงจากรถ สิ้นเสียงปิดประตูรถ ไอ้พุดเดิ้ลขนสังกะตังข้างบ้านก็รีบแหกตาตื่นแจ้นมาเห่าถึงรั้วข้างบ้าน ทว่าก็ไม่มีใครสนใจ เริงฤดีเดินไปด้วย เอามือควานหาพวงกุญแจบ้านไปด้วย พอถึงประตูบ้านก็คว้ากุญแจมาไว้ในมือได้พอดี หากแต่คราวนี้ไม่ต้องใช้ ประตูบานเก่าแง้มไว้อยู่แล้ว
แต๊ก
และแล้วบ้านก็สว่างจ้า ร่างยับยู่ยี่ของใครคนหนึ่งกองอยู่บนพื้นทางขึ้นชั้นสอง หัวหนุนซี่บันไดขั้นแรก แขนข้างหนึ่งกอดขวดแก้วสีชาราวเพื่อนรัก ผมเผ้ายุ่งเหยิงรุงรัง ราวกับไปฟัดกับไอ้ด่างข้างบ้านอย่างไรอย่างนั้น
“ แม่.. มานอนทำไมตรงนี้ล่ะ “ ท่อนแขนบอบบางค่อย ๆ พยุงร่างบนพื้นขึ้นมา พลางทำจมูกฟุดฟิด “ เมาแอ๋กลับบ้านอีกแล้วน้า.. “
“ เดี๋ยวหนูพาแม่ไปนอนนะ “
เริงฤดีค่อย ๆ พาร่างเมาแอ๋ขึ้นบันไดทีละขั้น ๆ กว่าจะถึงรูหนูรูหนึ่งที่เรียกว่าห้องนอนแม่ เธอก็ค่อย ๆ วางร่างผู้หญิงผ่ายผอมนั้นลงบนที่นอน
อ๊อก..
สรรพสิ่งในท้องคนบนเตียงถูกปล่อยลงบนพื้นห้อง
“ อีลูกนา โร้ก ถ้าฉันไม่มีแกแล้วล่ะก็ ชีวิตก็คงจะไม่เปน อย่าง..นี้ ผัวฉ๊าน..น .. ก็คงจะไม่ทำกาบฉัน อย่าง..นี้ “
มาลัย ผู้เป็นแม่ออกเสียงอู้อี้อยู่บนเตียงกลังเก่าคร่ำ เอามือชี้โบ๊ชี้เบ๊ไปมา ขณะเริงฤดีกำลังคว้าเอาม้วนกระดาษทิชชูบนหัวเตียงมาเช็ดปากให้แม่ก่อนจะจัดการเก็บส่วนที่เหลือบนพื้นต่อ ขณะที่ผู้เป็นแม่ก็กร่นด่าฟ้าดินที่ไม่เคยปราณีโชคชะตาของหล่อนเลยสักนิด
หยดน้ำอุ่น ๆ เริ่มไหลอาบพวงแก้มขาวผ่องอีกครั้ง เริงฤดีเช็ดหน้าไปบนแขนเสื้อนักศึกษาที่เพิ่งเปลี่ยนกลับ ก่อนจะเข้าบ้าน จัดการทำความสะอาดกองอาหารไม่ย่อยบนพื้นแล้วรีบผละออกมา โดยไม่ลืมยัดฟ่อนเงินที่เพิ่งหามาได้ใส่ไว้ในกล่องเหล็กสนิมกรังที่กลายสภาพมาจากกล่องคุกกี้มาเป็นกล่องใส่เงินบนหัวเตียงแม่ สิ้นเสียงประตูไม้กระทบวงกบ เริงฤดีก็ทิ้งตัวลงบนเตียง ดวงตาคมกริบใสแจ๋วเหม่อมองไปบนฝ้าเพดาน น้ำตารินไหลออกทางหางตา เลยไปถึงขมับแล้วจึงค่อยเคลือบชุ่มบนเส้นผมดำขลับ หึ.. ถ้าฟ้าดินไม่เคยปราณีแม่ ก็คงจะไม่เคยปราณีเธอเช่นกัน ไม่อย่างนั้น ก็คงจะไม่ส่งเธอให้มาทำลายชีวิตครอบครัวของสองสามีภรรยาที่น่าสงสารคู่นี้หรอก เธอรู้ตัวดีว่าเธอเกิดมาได้อย่างไร แล้วก็รู้ตัวดีด้วยว่า ก่อนที่จะได้ชื่อว่าลูกนรก เธอก็ได้ชื่อว่าเป็นมารหัวขนมาตั้งแต่อยู่ในท้องแล้วล่ะ
คิดไปก็เปลืองสมอง..
เริงฤดีดีดตัวขึ้นจากที่นอน กระจกโต๊ะเครื่องแป้งกำลังสะท้อนใบหน้าหญิงสาวผุดผ่องไม่แพ้แสงจันทร์ ตลับคอนแทคเลนส์อันเล็กถูกคลายเกลียวฝาด้วยความเคยชิน นิ้วมือเรียวสวยจัดการถอดบิ๊กอายส์ดำขลับอย่างชำนิชำนาญก่อนจะถูกหย่อนลงไปจมนิ่งอยู่ในน้ำยาแช่ใสแจ๋ว แล้วถูกปิดฝาลงอีกครั้งหนึ่ง ไม่นานนักก็ถูกสาวเจ้าละความสนใจ แล้วก้าวขาพาร่างกายไปอาบน้ำแทน
แจ้งลบ
ข้อความ :
จากคุณ * :
จำนวนผู้ชมเว็บแจ่มใสขณะนี้: 243 ท่าน