บทที่3 คืบคลาน
หลัง จากที่่ร่วมโต๊ะรับประทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อย ภูมินทร์ก็เป็นคนอาสาพาคุณหญิงแม้นมาศขึ้นไปส่งที่ห้องนอนเพราะท่านอยาก ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบผู้เป็นหลานชายในช่วงหลายปีที่ไม่ได้พบกัน ในขณะที่พ่อกับแม่ของเขาขอตัวเข้านอนก่อนเพราะพรุ่งนี้มีประชุมแต่เช้าตรู่ เหลือเพียงแค่หนึ่งหนุ่มสาว ภาคินจึงพาเพลินไพลินมานั่งเล่นที่ห้องรับแขกแทน "น้ำแดงกับคุกกี้ค่ะ ป้าสั่งเด็กให้จัดมาให้คุณภาคกับคุณเพลิน"ป้าแช่มบอกก่อนจะวางคุกกี้กับแก้วน้ำแดงสองแก้วไว้บนโต๊ะเหล็กดัดสีขาว เพลินไพลินกล่าวขอบคุณก่อนจะรอจนป้าแช่มเดินออกไปไกลมากพอที่จะไม่ได้ยินบทสนทนา หญิงสาวก็เอ่ยถึงการพบครอบครัวของเขาด้วยความประทับใจ "ครอบครัวคุณน่ารักดีนะคะ โดยเฉพาะคุณย่าของคุณ ท่านน่ารักมากๆเลยนะคะ ดูท่านเป็นคนยิ้มง่ายเข้ากับคนเก่ง" "ใช่ครับ คุณย่าผมท่านเป็นคนยิ้มง่ายมาแต่ใหนแต่ไรแล้ว ยิ่งรู้ว่าจะได้เจอนายภู...ท่านคงดีใจมากๆ ผมไม่เคยเห็นสีหน้าท่านที่มีความสุขมากขนาดนี้มาก่อนเลย อาจจะเป็นเพราะวันนี้ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้ามั้งครับ ท่านเลยดูมีความสุขมาก" "แล้ว น้องชายคุณ...เอ่อ...ขอโทษนะคะที่..."เพลินไพลินเอ่ยอย่างระมัดระวัง ไม่ใช่ว่าเธออยากจะยุ่งเรื่องของเขามากหรือว่าอะไรแต่บรรยากาศมาคุเมื่อตอน เย็นที่ภูมินทร์สร้างขึ้นแล้วใหนจะคำพูดแปลกๆกับสายตาของเขาอีกที่ทำให้เธอ อดสงสัยขึ้นมาไม่ได้ "ไม่เป็นไรหรอกครับ มันไม่ใช่ความลับอะไรหรอก ผมรู้ว่าคุณสงสัย...ความจริงแล้วนายภูเป็นน้องชายร่วมพ่อกับผมไม่ใช่น้อง แท้ๆหรอก เมื่อก่อนนายภูก็อยู่ที่เมืองไทยนี่แหละครับ แต่เพราะแม่ของเขาเสียชีวิต...ยายของเขาก็เลยพาไปอยู่ลาสเวกัส แล้วเขาก็ปักใจเชื่อว่าแม่ผมกับผมเป็นต้นเหตุที่ทำให้แม่เขาเสียชีวิตมาตลอดและไม่ยอมติดต่อกลับมาหาพวกเราอีกเลย"เพลินไพลินรับฟังเงียบๆโดยไม่พูดอะไร แม้จะสงสัยสาเหตุการตายของแม่ภูมินทร์...แต่ถ้าชายหนุ่มไม่อยากเล่าแล้วเธอถามออกไป มันจะเป็นการไร้มารยาทเกินไปหรือเปล่า "ที่เขาปักใจเชื่อว่าผมกับแม่เป็นสาเหตุทำให้แม่ของเขาตายก็เพราะว่าพ่อ ตัดสินใจพาแม่กับผมเข้าบ้านในขณะที่แม่ของเขาถือทะเบียนสมรสอย่างถูกต้องตาม กฎหมาย แต่ความจริงแล้วแม่ผมกับพ่อเคยคบกันก่อนที่คุณย่าจะบังคับพ่อให้แต่งงา นกับเเม่ของนายภูเพราะความเหมาะสมทางชาติตระกูลและทรัพย์สมบัติโดยที่ไม่รู้ ว่าแม่ได้ตั้งท้องผมได้สองเดือนแล้ว แม่ผมเสียใจมากเลยขอเลิกกับพ่อก่อนที่ท่านจะพาผมกลับไปอยู่กับคุณตาที่ ปากช่องแล้วเลี้ยงผมตามลำพัง จนผมอายุได้สิบแปด...ผมก็ย้ายมาเรียนที่กรุงเทพพร้อมกับแม่ จนวันนึงพ่อก็เจอแม่กับผมโดยบังเอิญแล้วแม่ก็ตัดสินใจบอกพ่อไปว่าผมเป็นลูก พ่อ ส่วนพ่อเองก็สารภาพว่าท่านยังรักแม่แค่คนเดียว...แต่ท่านไม่ได้รักแม่ ของนายภูเลยสักนิด นั่นทำให้เราสามคนแม่ลูกแอบพบกันอย่างหลบๆซ่อนๆเพราะกลัวคนอื่นเห็น เนื่องจากพ่อเป็นนักธุรกิจที่มีหน้ามีตาในสังคม จนพ่อทนไม่ใหวกับสภาพแบบนี้อีกต่อไปท่านเลยตัดสินใจพาแม่กับผมไปอยู่ที่ บ้าน ตอนนั้นนายภูอายุสิบเจ็ดปีแล้ว...ท่านสารภาพกับแม่นายภูและคุณย่าไปตามตรง ทั้งเรื่องผมและก็ความรู้สึกจริงๆของท่านที่มีต่อแม่ผมและแม่นายภู พอไม่กี่วันหลังจากนั้นแม่ของนายภูก็เสียชีวิตเพราะความเสียใจบวกกับกินยา นอนหลับเกินขนาด"ภาคินเล่าด้วยน้ำเสียงเศร้าโศก ดวงตาฉายแววแห่งความเจ็บปวดที่เพลินไพลินเห็นแล้วต้องเอามือวางทาบบนมือหนา เป็นการปลอบประโลม เธอรู้ว่าเขาเจ็บปวดเพราะคิดว่าเขากับแม่คือต้นเหตุที่ทำให้แม่ของภูมินทร์ ต้องจบชีวิตลง "ผมดูออกจากสายตาของนายภูว่าเขาเกลียดผมกับแม่ขนาดใหน ถึงเขาไม่เคยแสดงออกทางคำพูดแต่สายตาเขามันฟ้องว่าผมกับแม่เป็นฆาตกรที่ฆ่า แม่ของเขา หลังจากงานศพแม่นายภูไม่กี่วัน ยายของเขาก็พาเขาไปตั้งรกรากอยู่ที่อเมริกาโดยที่ไม่ได้เคยส่งข่าวกลับให้ พวกเราได้รู้อีกเลยทั้งๆที่คุณย่ากับยายของนายภูเป็นเพื่อนสนิทกัน ตอนนั้นผมรู้สึกผิดมากที่เป็นสาเหตุการตายของแม่เขาแล้วยังทำเหมือนจะมา แทนที่เขาทุกๆอย่าง คุณย่าท่านยอมรับแม่ได้เพราะผมเป็นลูกพ่อแต่ผมก็รู้สึกไม่ดีอยู่ดีที่ทำ เหมือนมาขโมยทุกๆอย่างที่เป็นของเขาไป พอวันนี้เขากลับมาพร้อมกับแววตาที่ไร้ความเกลียดชังมันทำให้ผมโล่งใจว่าเขา น่าจะยกโทษให้ผมกับแม่แล้ว"ภาคิ นยิ้มส่งให้เพลินไพลินแบบฝืดๆ ถึงภูมินทร์จะยกโทษให้เขาแล้ว...แต่ความรู้สึกผิดมันยังคงกัดกินใจเขาตลอด เวลา ชายหนุ่มพลิกที่ถูกกุมอยู่ขึ้นมากุมมือบางไว้แทน "เรามาเข้าเรื่องของเรากันบ้างเถอะ ผมไม่อยากเอาเรื่องในครอบครัวมากวนใจคุณ"ชายหนุ่มบอกพลางสบตาเพลินไพลิน อย่างมีความหมาย หญิงสาวรับรู้ความรู้สึกของเขาที่ส่งผ่านมาให้เธอจนต้องเสหลบตามองไปทาง อื่น หัวใจที่สงบนิ่งเต้นกระหน่ำจนเธอกลัวว่าเขาจะได้ยินมัน "คบกับผมได้มั้ยเพลิน" เพลินไพลินเบิกตาโตกับประโยคนั้น หัวใจพองโตคับอก ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันนี้...เพลินไพลิน จันทร์วิจิตรกับภาคิน อัครภิวัฒน์สกุลช่างต่างกันเหลือเกิน...ทั้งฐานะ ทั้งหน้าตาทางสังคม "แต่...เพลินไม่มีฐานะหรือชาติตระกูลนะคะ เราจะคบกันได้ยัง"หญิงสาวพูดเสียงเบา "ผมไม่ต้องการหรอกครับของแบบนั้น"ภาคินเอ่ยแย้งขึ้นมา "ถ้าผมจะรักใครสักคน...ผมจะไม่รักเขาที่ฐานะ ทรัพย์สินหรือว่าชาติตระกูล แต่ผมจะรักเขาเพราะผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ" "คุณภาค..."เจ้าของร่างบางเรียกชื่อเขาอย่างซาบซึ้งก่อนที่หญิงสาวจะเป็น ฝ่ายสวมกอดเขาเอง"เพลินก็รักคุณค่ะคุณภาค" "ถ้างั้น...คุณคบกับผมได้มั้ยเพลิน"ภาคินถามย้ำเพื่อเอาคำตอบจากเธออีกครั้งหนึ่ง "ค่ะ...คุณภาค"หญิงสาวตอบรับพร้อมกับกอดร่างหนาไว้แน่น เธออยากซึบซับความรู้สึกตอนนี้ไว้ให้นานที่สุด ตั้งแต่เกิดมาบนโลกใบนี้นอกจากพ่อกับป้า...ก็ไม่มีใครที่ทำให้เธอรู้สึกมี ค่าเท่ากับภาคินอีกแล้ว เขาแสดงออกเสมอว่าเธอมีค่ากับเขามากแค่ใหนทั้งๆที่ในฐานะอย่างเธอ แล้ว...ภาคินสามารถจะเอาเปรียบเธออย่างไรก็ได้แต่เขาก็ไม่ทำ มาถึงตอนนี้เธอรู้แล้วว่าทำไมเขาถึงไม่ทำอย่างนั้น มีเพียงเหตุผลเดียวที่เธอแน่ใจ...ก็คือเขารักเธอ ไม่อยากเห็นเธอเสียใจหรือเจ็บช้ำน้ำใจเพราะการถูกเอาเปรียบอย่างร้ายกาจแบบ นั้น เพลินไพลินอดอมยิ้มไม่ได้เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เธอหลับตาลงก่อนจะซึบซับอ้อมกอดที่อ่อนโยนของเขาไว้ อ้อมกอดของผู้ชายที่เธอรักอย่างหมดหัวใจ... นัยต์ตาคู่คมสีดำสนิทจับจ้องร่างของคนทั้งสองที่กอดกันแน่นไม่วางตา ร่างสูงยืนหลบอยู่ข้างทางเดินเข้าห้องรับแขกได้ยินเรื่องที่ทั้งคู่คุยกัน ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาไม่ได้ตั้งใจมาแอบฟังแต่คุณย่าวานให้เขาลงมาบอกเด็กรับใช้ให้ยกน้ำเปล่า ขึ้นไปเปลี่ยนน้ำเปล่าขวดเก่าที่หมดไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงต้องเดินผ่านห้องรับแขกเพื่อไปห้องครััวพอดีเลย เสียงของภาคินที่เล็ดลอดออกมาจากห้องรับแขกในตอนแรกหยุดเท้าทั้งสองข้างของ เขาไว้ได้ชะงักก่อนที่ชายหนุ่มจะเปลี่ยนจุดมุ่งหมายจากในห้องครัวมาเป็นห้อง รับแขกแทน เขาได้ยินที่ภาคินพูดหมดทุกอย่าง โดยเฉพาะที่ชายหนุ่มบอกว่าแม่ของเขาเสียชีวิตลงเพราะตนกับแม่เป็นต้นเหตุ มือหนากำหมัดแน่นด้วยความแค้นใจ เขาไม่เชื่อหรอกว่าภาคินจะรู้สึกผิดตามที่ปากบอกจริงๆ ที่มันพูดมาทั้งหมดเป็นเพราะต้องการสร้างภาพเป็นคนดีต่อหน้าผู้หญิงที่มัน รักเท่านั้นแหละ ถ้ามันรู้สึกผิดจริงๆคงไม่มาสวมรอยแทนเขาทุกอย่างแบบนี้หรอก! แต่ที่ภูมินทร์แน่ใจอยู่อย่างก็คือเขาหลอกภาคินให้เชื่อจนสนิทใจว่าเขาไม่ ได้ถือโทษโกรธแค้นอะไรชายหนุ่มแล้ว นั่นทำให้เขารู้สึกหยามใจไปเปราะหนึ่ง ดีแล้ว...ให้มันคิดว่าเป็นแบบนั้น จะได้ชะล่าใจเข้าไว้...พอรู้ตัวอีกทีทุกอย่างก็สายเกินแก้ไปแล้ว เจ้าของร่างสูงละสายตาจากคนทั้งคู่ก่อนที่แววตาที่เคยสงบนิ่งจะฉายแวว ครุ่นคิดแล้วเปลี่ยนเป็นแววตาของปีศาจแทน ริมฝีปากสวยได้รูปกระดกขึ้นเป็นรอยยิ้มแข็งๆดูน่ากลัวก่อนที่จะพูดกับตัวเอง เบาๆ "แกผิดเองนะไอ้ภาคที่มาประกาศจุดอ่อนให้ฉันรู้ เพลินไพลิน...ผู้หญิงที่แกรักอย่างหมดหัวใจงั้นหรอ เดี๋ยวฉันจะทำให้แกต้องทรมานตายเพราะผู้หญิงคนนี้ให้ดู หึ!" ขอกำลังใจให้ไรเตอร์หน่อยนะคะนักอ่านผู้น่ารัก จุ๊บๆ^^