
1) หนูแยม: สวัสดีค่ะ หนูแยมขอเป็นตัวแทนชาวแจ่มใสมาพูดคุยทำความรู้จักนักแปลคนเก่ง ที่ช่วยถ่ายทอดเรื่องราวสนุกๆ น่าประทับใจจากต่างประเทศมาเป็นภาษาไทยให้เราได้อ่านกันนะคะ อันดับแรกก็ต้องแนะนำตัวกันสักนิดค่ะ ในวงการใช้นามปากกาว่าอะไรบ้างคะ หรือจะแนะนำชื่อจริงก็ไม่ว่ากันนะ
นักแปล: สวัสดีค่ะ เสี่ยวเฟิงหลิงค่ะ ใช้นามปากกานี้แปลมันทุกแนวค่ะ จริงๆ ก็เคยคิดจะเปลี่ยนอยู่นะคะ เพราะเวลาไปงานพบปะนักอ่าน MC เรียกผิดบ่อยมาก เป็น ‘เฟิ่ง’ เติมไม้เอกบ้างไรบ้าง แต่ที่ไม่เปลี่ยนเพราะขี้เกียจคิดชื่อใหม่ค่ะ ฮ่าๆ
2) หนูแยม: นามปากกาเก๋ๆ แบบนี้ มีที่มาจากไหนหรือคะ
นักแปล: เนื่องจากเป็นคนไร้ซึ่งความครีเอท แน่นอนว่านามปากกาต้องไม่ได้คิดเองอยู่แล้ว (หุๆ) หม่ามี้คิดให้ค่ะ ‘เฟิงหลิง’แปลว่า กระดิ่งลม สื่อถึงความโด่งดัง มีชื่อเสียง เติมคำว่า ‘เสี่ยว’ ที่แปลว่า ‘เล็ก’ ไว้ข้างหน้า เพื่อความน่ารักครุคริงุงิ
3) หนูแยม: ปกติแล้วแปลแนวอะไรบ้างคะ และคิดว่าแนวที่แปลมีเสน่ห์ยังไงบ้าง
นักแปล: เริ่มจากการแปลแนวมากกว่ารัก ถึงจะแปลแนวนี้มาหลายเล่มมากๆ แล้ว (คือ เลิกนับไปแล้วว่ากี่เล่ม) แต่ก็ยังชอบอยู่นะ คิดว่าเสน่ห์ของมันอยู่ที่การได้ใช้ภาษาแปลกใหม่ที่ปกติแล้วไม่ค่อยเจอในชีวิตประจำวันเท่าไร ได้สนุกกับการเล่นภาษาสวยๆ พอหลังๆ แปลแนวเดิมมากๆ เข้าก็แอบมีเบื่อบ้าง เลยขอ บ.ก. ลองแนวอื่น ก็เลยขยับมาแปลแนวคุกกี้ พอมาลองแปลแนวปัจจุบันก็รู้สึกแปลลื่นดีค่ะ แต่พล็อตของแนวคุกกี้จะเบาๆ หน่อย เป็นคนชอบเสพดราม่า ชอบอะไรหนักๆ (แต่ต้องถูกจริตด้วยนะ) ล่าสุดก็แปลของเอ็นเธอร์ อันนี้ก็ชอบค่ะ ได้ใช้ภาษาวัยรุ่น ลดอายุ หุๆ
4) หนูแยม: นอกจากงานแปลแล้ว ทำงานอื่นควบคู่ไปด้วยหรือเปล่าคะ แล้วต้องแบ่งเวลาทำงานยังไงบ้าง
นักแปล: มีบริษัทแนะแนวศึกษาต่อประเทศจีนที่ทำร่วมกับน้องสาวค่ะ แล้วก็ยังมีโปรเจ็คท์ใหม่ๆ ที่รอให้ลงมือทำอีกเยอะเลย จนรู้สึกว่าเวลา 24 ชั่วโมงในหนึ่งวันมันน้อยจัง ตอนนี้ก็พยายามเข้านอนเร็วขึ้นและตื่นให้เช้าขึ้น เพราะรู้สึกว่าช่วยให้สมาธิดี พอสมาธิดีก็ทำงานได้เร็วและลื่นขึ้น
5) หนูแยม: เวลาทำงานเครียดๆ มีวิธีจัดการกับความเครียดยังไงคะ
นักแปล: ดูหนุ่ม อุ๊ย ไม่ใช่ ดูหนังค่ะ (จริงๆ แล้วคือดูหนุ่มๆ ในหนัง ไม่ใช่ละ) เป็นคนชอบดูหนังค่ะ คิดว่ามันคลายเครียดได้ดี
6) หนูแยม: คิดว่าการแปลนิยายให้อะไรกับเราบ้างคะ
นักแปล: งานแปลก็คล้ายๆ กับงานอื่นๆ ที่ต้องใช้สมองคิดตลอดเวลา เลยมโนว่ามันน่าจะช่วยให้สมองไม่ฝ่อและน่าจะช่วยเรื่องความจำในตอนแก่ (มั้ง)
7) หนูแยม: โดยส่วนตัวแล้ว ชอบอ่านเรื่องแนวไหน หรือชอบตัวละครแบบไหนเอ่ย
นักแปล: ชอบอะไรแนวเฟมินิสต์เล็กๆ ชอบเรื่องที่นางเอกคาแรคเตอร์เด่นๆ แกร่งๆ แกร่งในที่นี้ไม่ใช่สาวห้าว แก่น เซี้ยว เปรี้ยว ซ่าจนล้นนะคะ เอาจริงๆ ก็คือ ชอบเรื่องที่นางเอกฉลาด ไม่ (ทำตัว) ‘งี่เง่า’ ส่วนพระเอกก็ตามพิมพ์นิยมค่ะ อันนี้ไม่เน้นมาก แนวที่เดี๋ยวนี้หยิบมาอ่านบ่อย ส่วนใหญ่จะเป็นสืบสวนสอบสวน ซับซ้อนซ่อนเงื่อน โหดนิดจิตหน่อย หักมุมตอนจบ (แบบไม่สุดโต่งมาก) แต่ความจริงก็อ่านได้ทุกแนว ถ้าถูกจริต
8) หนูแยม: อยากให้นิยาม ‘ความสุข’ ในแบบของตัวเองหน่อยค่ะ
นักแปล: ก็เป็นโมเมนต์ที่โลกสดใส หัวใจพองโตละมั้ง (แหวะ)
9) หนูแยม: ถ้าหากเพื่อนๆ ที่อ่านอยู่อยากเป็นนักแปลบ้าง ควรเริ่มต้นยังไงดีคะ
นักแปล: เริ่มแปล ณ บัดนาวค่ะ จะช้าอยู่ไย อาจเริ่มจากอะไรที่ใกล้ตัวก่อนอย่างเช่นรายการทีวีหรือหนังต่างประเทศ สังเกตสำนวนที่คนแปลใช้ แล้วลองคิดเล่นๆ ว่าถ้าเป็นตัวเองจะใช้ว่าอะไร หรือลองหาบทความ ข่าว หรือตอนสั้นๆ ในหนังสือที่เราสนใจมาลองแปลเล่นๆ ก็ได้ จำไว้ว่าทุกอย่างเริ่มต้นด้วยการ ‘ลงมือทำ’ ค่ะ
10) หนูแยม: สุดท้าย อยากฝากอะไรถึงนักอ่านแจ่มใสบ้างคะ
นักแปล: ก็ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดนะคะ หลังๆ อาจได้แปลแนวแปลกๆ ที่แหวกไปจากเดิมบ้าง แต่นักอ่านที่น่ารักทุกคนก็ยังคอยติดตามกันอยู่ ไม่หนีหายไปไหน น้องนักอ่านบางคนตามอ่านผลงานของเราทุกแนวจริงๆ ซึ้งมว้ากกก ขอบคุณค่ะ รักนะ จุ๊บุ
เพราะงานรัดตัว เดี๋ยวนี้อาจไม่ค่อยเข้ามาตอบกระทู้เท่าไร แต่ถ้าใครอยากคุย ถามไถ่เรื่องงานแปล หรือปรึกษาปัญหาหัวใจ (ถ้าไม่กลัว อิๆ) อะไรก็แล้วแต่ เมลมาหาได้ที่ [email protected] (ยกเว้นไปก็อปกลอน ก็อปเพลงมาจากในเน็ตแล้วมาขอให้ช่วยแปล ไม่เอานะคะ)